[บันทึก] หยุด(แรง)งาน หนีร้อนไปเติมความรักที่”พัทยา” (เกาะแสมสาร)

สวัสดีเพื่อนๆทุกท่านครับ ก่อนหน้านี้ผมได้พาทุกๆท่านไปนั่งเล่นในร้านกาแฟกันมาแล้ว ครั้งนี้ผมจะพาไป กิน เที่ยว พักผ่อน ที่พัทยาและสัตหีบกันครับ ทริปนี้ผมเริ่มต้นเดินทางจากนครราชสีมาด้วยรถยนต์ส่วนตัว ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกของการขับรถเที่ยว เพราะปกติจะอาศัยรถทัวร์หรือไม่ก็สายการบินต้นทุนต่ำในการเดินทาง ครั้งนี้ที่เลือกจะขับรถเที่ยวเองเพราะต้องการความสะดวกและความคล่องตัว

รายละเอียดของทริป
ระยะเวลา 4 วัน 3 คืน
ที่พัก Cape Dara Pattaya
ที่เที่ยว เกาะแสมสาร, ฟาร์มแกะพัทยา และ J-Park ศรีราชา
ที่กิน The Sky Gallery Pattaya, ศรีนวล ซีฟู้ด, Surf & Turf Pattaya และ Hako Ramen @J-Park


Day1

ผมเริ่มออกเดินทางจากนครราชสีมาตั้งแต่ 06:30 เพื่อหลีกเลี่ยงรถติดในช่วงวันหยุด ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ก็เข้าสู่เขตเมืองพัทยา มองไปที่นาฬิกา 11:30 พอดีท้องก็เริ่มหิวจึงคิดว่าน่าจะหาอะไรทานกันก่อนที่จะไปที่พัก อย่ามัวรอช้าเปิด GPS เพื่อมุ่งตรงไปยังร้าน“The Sky Gallery Pattaya”กันเลย

The Sky Gallery Pattaya

เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนหน้าผา ร้านเปิดโล่งรับลมทะเล เต็มไปด้วยร่มไม้และพืชสีเขียว ช่วยเติมความชุ่มชื่นและสดชื่นให้กับปอดได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ที่นั่งมีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งโต๊ะเก้าอี้แบบมาตรฐาน หรือจะเป็นเก้าอี้แบบโซฟา และถ้าอยากนั่งสบายๆก็สามารถเลือกนั่งกับพื้นหญ้าเทียมได้เช่นกัน

DSC_5249.jpg
บาร์น้ำตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้า

DSC_5245.jpg
ที่นั่งมีให้เลือกหลากหลาย มองเห็นวิวทะเลทุกที่นั่ง

DSC_5229.jpg
จุดเด่นของที่นี้คือพื้นที่สีเขียวและมีร่มไม้จากต้นไม้ใหญ่ค่อยพังแดด

DSC_5241.jpg
วิวจากร้านอาหาร

อาหารและเครื่องดื่มที่นี้มีให้เลือกทั้งอาหารไทย และอาหารฝรั่ง แต่วันนี้ผมเลือกสั่งอาหารฝรั่งทุกจาน มักกะโรนี
สปาเก็ตตี้และเฟรนฟาย โดยความคิดเห็นส่วนตัวคงต้องกล่าวว่า รสชาติอาหารอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ (3/5 ดาว) ในเรื่องของราคานั้นอยู่ในระดับมาตราฐาน 100 – 200 บาท และที่คุ้มสุดๆ คือการทานอาหารไปพร้อมกับการชมวิวทะเลที่ต้องบอกว่า ประทับใจอย่างยิ่ง

พิกัด GPS


Cape Dara The Beachfront Resort Pattaya

หลังจากอิ่มหนำสำราญกับมื้ออาหารและทิวทัศน์ที่สวยงามกันแล้ว ผมจึงมุ่งหน้าต่อไปยังที่พัก ที่จะเป็นจุดปักหลักในการท่องเที่ยวของผมในครั้งนี้ “Cape Dara The Beachfront Resort Pattaya” โรงแรมที่ผสมผสานอย่างลงตัวของทั้งความเป็นโรงแรมและรีสอร์ท ตัวโรงแรมตั้งอยู่สุดเขตพัทยาเหนือเลยไปอีกนิดก็เป็นหาด
วงอำมาตย์ โรงแรมมีตัวตึกอยู่2ตึก คือตึกหลักที่ตั้งสูงเด่นกว่า 20 ชั้น และ ตึก Beachfront ที่อยู่ถัดลงมา (จากในภาพตึก Beachfront คือตึกที่โดนต้นมะพร้าวบัง)

DSC_6042.jpg

ส่วนของเคาน์เตอร์เช็คอินและล็อบบี้นั้นไม่ได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ แต่ก็กลับไม่รู้สึกร้อนแต่อย่างใด ส่วนหนึ่งคงต้องยกความดีความชอบให้กับผู้ออกแบบ เนื่องจากห้องโถงที่ยกเพดานสูงและเปิดโล่ง ทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ท่านสามารถเดินทะลุจากเคาน์เตอร์เช็คอินไปยังล็อบบี้และสระว่ายน้ำได้ในทันที ผมเข้าเช็คอิน
ประมาณ 14:00 เจ้าหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นกันเอง ใช้เวลาดำเนินการและอธิบายรายละเอียดต่างๆไม่เกิน 5-10 นาที ผมก็ได้คีย์การ์ดและพร้อมที่ขึ้นสู่ห้องพักกันแล้ว

DSC_6074.jpg
ส่วนต้อนรับและเคาน์เตอร์เช็คอิน

DSC_6089.jpg
ล็อบบี้แบบเปิดโล่งรับลมทะเล

ชมล็อบบี้โรงแรมแบบ 360 องศา (คลิกลิ้งค์ด้านล่าง)

Cape Dara Lobby – Spherical Image – RICOH THETA

DSC_6065
ร้านขายขนมเค้ก

DSC_6136.jpg
ร้านสะดวกซื้อและ Kid room สำหรับน้องๆหนูๆ

จริงๆในวันที่ทำการจองผ่าน Booking.Com ผมได้เขียนในส่วนของห้องผมไว้ว่า “ขอห้องที่สูงที่สุดในroom typeและหันหน้าไปทางหาดพัทยา” แต่วันที่เข้าพักห้องที่ได้หันหน้าไปทางหาดวงอำมาตย์ อันนี้ไม่ว่ากันครับ เพราะช่วงที่ผมเข้าพักเป็นวันหยุดยาวและทัวร์จีนเข้าพักพอดี คิดว่าโรงแรมคงทำดีที่สุดแล้ว

ครั้งนี้ผมได้พักชั้น 19 ซึ่งก็เป็นไปตามคำขอ เพราะโรงแรมมี 20 กว่าชั้น ได้พักชั้น 19 ผมก็โอเคกับวิวที่อยากได้แล้ว หลังจากออกจากลิฟท์จะมีทางเดินแยกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งนึงหันหน้าไปทางหาดพัทยาและอีกฝั่งหันหน้าไปทางหาดวงอำมาตย์ …ตามมาดูห้องพักของผมกันเลย

DSC_6138.jpg

ครั้งนี้ผมจองเป็นห้อง Deluxe Corner Room เป็นห้องที่ราคาสูงถัดขึ้นมาจากห้อง Deluxe Room ซึ่งเป็นห้องราคาถูกที่สุดของโรงแรม เนื่องจากเป็นห้องที่อยู่ในส่วนมุมทำให้ได้พื้นที่ในส่วนของมุมตึกเพิ่มขึ้นมาพอสมควร ใครของหรืออุปกรณ์เยอะคงจะถูกใจ เพราะมีพื้นที่ให้วางและเก็บของเหลือเฟือ

DSC_5256.jpg
ห้อง Deluxe Corner Room

DSC_5252.jpg
ตรงส่วนเตียงนอนอาจจะดูแคบไปนิด แต่2คนเดินสวนกันได้สบายๆ

DSC_5254.jpg
เตียงนอนอีกมุม

DSC_5268.jpg
Day bed

DSC_5271.jpg
โต๊ะเขียนหนังสือ

DSC_5276.jpg
เตียงที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงาม พร้อมเป็ดน้อยไว้ลอยในอ่างน้ำ

DSC_5259.jpg
อ่างล้างหน้า

DSC_5265.jpg
ฝักบัวอาบน้ำและโถส้วมพร้อมสายชำระ

DSC_5263.jpg
อ่างอาบน้ำพร้อมวิวหาดวงอำมาตย์

ชมห้อง Deluxe Corner แบบ 360 องศา (คลิกลิ้งค์ด้านล่าง)

Cape Dara Deluxe Corner #theta360 – Spherical Image – RICOH THETA

พิกัด GPS โรงแรม Cape Dara Resort Pattaya

หลังจากสำรวจที่พักกันเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาของอาหารค่ำ วันนี้ผมตัดสินใจไปเดินเล่นและทานข้าวเย็นที่ Central Festival Pattaya Beach โดยทางโรงแรมมีรถตุ๊ก ตุ๊ก ค่อยให้บริการรับ-ส่ง จากโรงแรมไปส่งยังวงเวียนปลาโลมา และจากจุดนั้นก็สามารถที่จะโบกรถ2แถวไปยังที่อื่นๆได้ต่อ ส่วนรอบของรถรับ-ส่ง จะวนมารับและส่งแขกทุกๆ 15 นาที หรือถ้ามาถึงจุดรอรถก่อนเวลาก็สามารถโทรแจ้งกับทางโรงแรมให้ส่งรถมารับก่อนได้ โดยเบอร์โทรจะอยู่ในใบตารางเวลาเดินรถ (ขอได้จากพนักงานที่เคาน์เตอร์) แต่บริการรถรับ-ส่งจะให้บริการถึงแค่เที่ยงคืนเท่านั้น

ที่ยืนรอรถ.jpg
ภาพจาก Google Street View


Day2

เกาะแสมสาร อ.สัตหีบ

วันนี้ตั้งใจไว้ว่าจะพาแฟนไปเที่ยวเกาะแสมสาร ก่อนหน้านี้เลยค้นหารีวิวและข้อมูลมาอย่างหนัก แต่พอถึงเวลาเดินทางจริง ก็มักจะมีข้อผิดพลาดในการเดินทางซึ่งมันก็เรื่องปกติและเป็นเสน่ห์อย่างนึงของการเดินทางท่องเที่ยว…..มาเริ่มวันที่ 2 กันเริ่มดีกว่าครับ

จากที่พัก(พัทยา)เดินทางโดยรถยนต์ไปยังพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย ใช้เวลาโดยประมาณ 75 นาที(ถนนโล่ง) โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท(สาย3) ผมตื่นตั้งแต่ตี 3 เพื่ออาบน้ำและเตรียมของอีกเล็กน้อยก่อนโทรและเดินไปเคาะห้องแฟน เพราะจะต้องออกจากพัทยาตั้งแต่ตี 4 เพื่อให้ไปถึงจุดรับบัตรคิวประมาณตี 5:15 น. ระหว่างทางก็เกิดเรื่องผิดผลาดขึ้นเล็กน้อย เพราะโทรศัพท์มือถือเจ้ากรรมของผมดันจับสัญญาณ GPS ได้บ้างไม่ได้บ้างทำให้ต้องหยุดรถหาสัญญาณ GPS เป็นระยะๆ จนสุดท้ายต้องปลุกแฟนที่หลับอยู่เบาะข้างคนขับ เพื่อนำ iphone มาใช้แทน จากปัญหาเรื่อง GPS ทำให้มาถึงจุดรับบัตรคิวช้ากว่ากำหนดประมาณ 15 นาที แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ เวลา 05:30 น. ผมมาต่อแถวรับบัตรคิว ในใจคิดว่าน่าจะได้คิวเลขหลัก 2 ตัว (99) แต่ปรากฎว่าได้คิวที่ 316 และ 317 (ตอนนั้นในใจจึงเกิดคำถามว่า “คิวแรกพวกพี่มากันกี่โมง”) แต่ที่น่าชื่นชมคือการบริหารจัดการของเจ้าหน้าที่ทหารที่ทำได้เป็นอย่างดี ทุกคนต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อรอรับบัตรคิว 1 คนต่อ 1 บัตรคิว เป็นภาพที่หาดูได้ยากในสังคมช่วงนี้

DSC_5280.jpg
นักท่องเที่ยวมาเข้าแถวเพื่อรอรับบัตรคิว

DSC_5282.jpg
ผมได้คิวที่ 316และ317

DSC_5283.jpg
เวลาประมาณ 6โมงเช้า แต่นักท่องเที่ยวก็ยังคงทยอยกันมาต่อแถวรอรับบัตรคิวอย่างเนืองแน่น

DSC_5310.jpg
พระอาทิตย์ขึ้นที่ตำบลแสมสาร

DSC_5311.jpg
สะพานปูนทอดยาวไปในทะเล สามารถใช้สะพานนี้เดินไปยังท่าเรือได้ แต่จะอ้อมกว่าเดินบนถนน

ชมพระอาทิตย์ ณ ตำบลแสมสารแบบ 360 องศา (คลิกที่ลิ้งด้านล่าง)

สะพานเชื่อมท่าเรือหมาจอ พิพิธภัณฑ์เกาะและทะเลไทย #theta360 – Spherical Image – RICOH THETA

หลังจากถ่ายรูปเล่นกันจนพอใจแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารเข้าซึ่งทางพิพิธภัณฑ์มีร้านอาหารและร้านกาแฟคอยให้บริการ รวมถึงร้านขายของที่ระลึกของหน่วยบัญชาการส่งครามพิเศษทางเรือ(SEAL) ให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านหรือฝากเพื่อนฝูงได้ด้วย ร้านจะตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับจุดที่รับบัตรคิว แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ใช้บริการร้านอาหารของทางพิพิธภัณฑ์ เนื่องจากได้ขอให้ทางโรงแรมจัดเตรียมอาหารเช้าใส่กล่องไว้ให้แล้ว

DSC_5313.jpg
กล่องอาหารแข็งแรงสวยงาม จับถือสะดวก

DSC_5318.jpg
ในกล่องมาขนมปัง ไข่ต้ม แซนวิช ผลไม้ น้ำผลไม้และน้ำดื่ม 1 ขวด (กินหมดนี้ถึงกับอืดกันเลยทีเดียว)

หลักจากทานอาหารเสร็จก็เหลือเวลาอีกนิดหน่อยให้นั่งพัก ก่อนที่จะต้องไปรอเจ้าหน้าที่เรียกคิวเพื่อซื้อตั๋วไปเกาะแสมสาร
เวลา 07:00 น. คือเวลาเริ่มเรียกคิวจำหน่ายตั๋ว ในตัวอาคารจำหน่ายตั๋วมีเก้าอี้นั่งและเครื่องปรับอากาศ สามารถเข้าไปนั่งรอเรียกคิวได้เลย แต่ในวันที่ผมไปนั่น คิวที่ 1 – 10 เรียกแล้วไม่มา โดยเจ้าหน้าที่จะเรียกซ้ำประมาณ 2-3 ครั้ง ถ้าไม่แสดงตัวก็จะข้ามไปเรียกคิวถัดไปทันที

บรรยากาศภายในตัวอาคารจำหน่ายตั๋ว (คลิกที่ลิ้งค์ด้านล่าง)

ห้องขายตั๋วไปเกาะแสมสาร – Spherical Image – RICOH THETA

เนื่องด้วยเกาะแสมสารเป็นพื้นที่อุทยาน ทำให้ต้องจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวที่เกาะ โดยเกาะแสมสารสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ 500 คน/วัน (สูงสุด 800 คน/วัน ในช่วงวันหยุดยาว) เที่ยวเรือรับ-ส่ง มีเป็นรอบๆ โดยแต่ละรอบจะห่างกันประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถเลือกรอบเรือขาไปได้ (ถ้ารอบนั้นยังไม่เต็ม) โดยให้แจ้งรอบเรือที่ต้องการแก่เจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋ว ส่วนรอบเรือขากลับเข้าฝั่งก็มีทุกๆ 1 ชั่วโมงเช่นกัน โดยใช้เรือลำเดียวกับที่มาส่งนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะ โดยรอบเรือกลับฝั่งรอบสุดท้ายคือ 4 โมงเย็น

DSCF2232.JPG
ตํ่วราคา 300 บาท (ตั๋วออกแบบสวยดีครับ)

DSCF2230.JPG
แถวขึ้นเรือข้ามไปเกาะแสมสารและเกาะขาม โดยเรือไปเกาะแสมสารและเกาะขามนั้น จะใช้ท่าเรือเดียวกันแต่ไปคนละลำ ดังนั้นให้ฟังเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกดีๆ และยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ตรวจจะได้ไม่ขึ้นเรือผิดลำ

DSCF2236.JPG
ตอนขึ้นเรือจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและพยุงขณะที่ก้าวลงเรือ

DSCF2255.JPG
สวนกับเรือที่กำลังพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำ

ใช้เวลาไม่นานเรือก็เทียบท่าที่เกาะแสมสาร หลังจากขึ้นฝั่งนักท่องเที่ยวทุกคนจะได้เข้ารับฟังการบรรยายของเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเกาะแสมสารและพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย
รายละเอียดของเกาะ เช่น มีหาดจำนวนกี่หาด ที่มาของชื่อหาด กิจกรรมที่มีบนเกาะ รวมถึงระเบียบและข้อกำหนดต่างๆบนเกาะ

DSC_5321.jpg
จุดสำหรับนั่งฟังเจ้าหน้าที่บรรยาย ถึงความเป็นมา รายละเอียดของเกาะ และข้อกำหนดต่างๆเมื่ออยู่บนเกาะ
(ข้อสังเกตส่วนตัว ช่วงเวลาที่ผมไปนั่น จะเริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวเกาะแสมสารบางแล้ว ส่วนใหญ่ที่เจอคือทัวร์จีน ฝรั่งเห็นบ้างประปลาย แต่เหมือนมาเที่ยวกับเพื่อนชาวไทยเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ป้ายต่างๆบนเกาะยังคงมีแต่ภาษาไทย โดยเฉพาะป้ายเตือนและป้ายแจ้งข้อห้ามต่างๆยังคงมีแต่ภาษาไทยเท่านั้น)

โดยเกาะแสมสารจะมีหาดที่เปิดให้นักท่องเที่ยวทำกิจกรรมและพักผ่อน อยู่ด้วยกัน 2 หาด คือหาดเทียน(หาดที่เรือเข้าเทียบท่า) และหาดลูกลม กิจกกรรมมีให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็นดำน้ำชมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติใต้ทะเล แต่ถ้าไม่อยากเปียกก็สามารถใช้บริการเรือท้องกระจกแทนได้ บนเกาะมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติโดยให้ไปลงชื่อไว้ แล้วจะมีเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกตามรอบเวลาแต่ถ้าขี้เกียจเดินบนเกาะก็มีจักรยานให้ยืมปั่น
โดยกิจกรรมส่วนใหญ่ต้องลงชื่อจองคิว เพราะก่อนจะออกไปดำน้ำเจ้าหน้าที่จะสอนการลอยตัวและการหายใจโดยใช้อุปกรณ์ดำน้ำเบื้องต้นก่อน อุปกรณ์ดำน้ำจะถูกแช่น้ำยาฆ่าเชื้อก่อนที่จะวนมาให้นักท่องเที่ยวกลุ่มถัดไปมาใช้ต่อ

DSCF2262
รถรับ-ส่ง ระหว่างหาดเทียนไปหาดลูกลม

GOPR4263.JPG
ถ้าอยากรับลม และเพิ่มความเร้าใจ แนะนำให้เลือกนั่งรถกระบะไปยังหาดลูกลม

DSC_5331.jpg
ป้ายหาดลูกลม

DSC_5323.jpg
ชายหาดลูกลม มีเตียงผ้าใบและเพิงพักให้บริการ ถ้าเตรียมเสื่อมาก็สามารถนำมาปูนั่งพักใต้ร่มไม้ได้

DSC_5340 Crop.jpg
ทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าใส ไม่แพ้หมู่เกาะทางภาคใต้เลยครับ

DSC_5414.jpg
เอารูปมายืนยันครับ ว่าน้ำใสมากกกกกก

DSC_5344.jpg
ถ้ากลัวดำก็มีเตียงผ้าใบให้นอนรับลมทะเล

DSC_5349
ร้านค้าและจุดลงทะเบียนดำน้ำ

DSC_5411.jpg
หาดลูกลม

บรรยากาศหาดลูกลมแบบ 360 องศา (คลิกลิ้งค์ด้านล่าง)

หน้าหาดลูกลม เกาะแสมสาร – Spherical Image – RICOH THETA

ใช้เวลาอยู่บนหาดลูกลมประมาณ 2 ชั่วโมง ผมก็ตัดสินใจนั่งรถกลับมาที่หาดเทียน เพื่อเก็บภาพของหาดเทียน และเตรียมตัวกลับฝั่งด้วยเรือรอบบ่าย 2

DSC_5419.jpg
หาดเทียนเกาะแสมสาร

DSC_5426.jpg
มาทะเล จะพลาดไม่ได้กับการถ่ายรูปคู่ชิงช้าไม้

DSC_5442.jpg
ท่าเทียบเรือบนหาดเทียน

บรรยากาศหาดเทียนแบบ 360 องศา (คลิกลิ้งค์ด้านล่าง)

หน้าหาด กม.0 เกาะแสมสาร – Spherical Image – RICOH THETA

DSCF2277.jpg
ถึงเวลาขึ้นเรือกลับเข้าฝั่งแล้วครับ หลังจากนี้เดี๋ยวผมจะพาไปทานอาหารทะเลเจ้าประจำของผมกัน

พิกัด GPS พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย (จุดขายตั๋วไปเกาะแสมสาร)

GOPR4278.JPG
ทางเข้าจะเป็นประตูทางด้านซ้ายของภาพนะครับ


ร้านศรีนวลซีฟู๊ด

ออกจากแสมสารมาเวลาประมาณ 14:45 น. ก็ต้องเผชิญกับรถติดอย่างหนักเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าบนถนนก็มาถึงร้าน”ศรีนวลซีฟู๊ด” ทุกครั้งที่ผมมาเที่ยวพัทยาจะต้องแวะมาทานร้านนี้ ถ้าให้นิยามคงจะนิยามร้านนี้ว่า “อาหารอร่อย คุ้มราคา บรรยากาศดี” แนะนำว่าให้มาถึงร้านประมาณ 4 โมงเย็น สั่งอาหารมานั่งทานแบบสบายๆเพราะคนยังไม่เยอะ หลังจากอิ่มแล้วก็เดินไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าบนสันเขื่อนกันคลื่นที่อยู่ติดกับร้าน (ค่าอาหารมื้อนี้ ประมาณ 1,2xx บาท รายการอาหารตามรูปด้านล่าง ข้าวเปล่า1จาน น้ำ2ขวด น้ำแข็ง1ถัง)

DSC_5485.jpg
ปลาทอดน้ำปลา

DSC_5491.jpg
กรรเชียงปูนึงจานโต

DSC_5500.jpg
ข้าวผัดปู

DSC_5511.jpgต้มยำกุ้งเล็ก ให้กุ้งมา8-9ตัว แต่วันที่ไปทานทำน้ำข้น ข้นไปนิดนึง

DSC_5519.jpg
ที่นั่งมีให้เลือกทั้งแบบในร่ม(พัดลม,แอร์) และกลางแจ้ง

DSC_5530.jpg
สันเขื่อนกันคลื่นอยู่ติดกับร้านอาหาร สามารถเดินขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ตกได้

Untitled1.jpg
มองจากตรงนนี้จะเห็นเมืองพัทยา

บรรยากาศพระอาทิตย์ตก ณ ร้านศรีนวลซีฟู๊ด 360 องศา (คลิกลิ้งค์ด้านล่าง)

เขื่อนกันคลื่นร้านศรีนวล – Spherical Image – RICOH THETA

พิกัด GPS ร้านศรีนวล

หลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารรสอร่อยและวิวพระอาทิตย์ตกสุดฟินกันแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับที่พัก
เมื่อถึงที่พักต่างคนต่างแยกกันไปนอน สำหรับผมหัวถึงหมอนก็หลับเลย เพราะเหนื่อยกับการตื่นตั้งแต่ตี 3 และเผชิญกับรถติด แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นวันที่ใช้เวลาได้คุ้มค่ามาก


Day3

เริ่มต้นเช้าวันที่ 3 ของทริปอย่างสดใส ด้วยการตื่นนอนเวลา 8:30 น. เพราะร่างกายยังคงเพลียกับการอดหลับอดนอนเพื่อไปต่อแถวรับบัตรคิวซื้อตัวไปเกาะแสมสาร วันนี้เป็นวันแรกที่จะได้ลองชิมอาหารเช้าของโรงแรม Cape Dara
พอลงลิฟท์เดินมาถึงห้องอาหารปุ๊บ ก็ต้องตกใจกับจำนวนแขกที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ก่อนแล้ว อาจเพราะลงมาช้าและวันนี้เป็นวันอาทิตย์ทำให้แขกเยอะเป็นพิเศษ ทั้งคนไทยและกลุ่มทัวร์จากต่างประเทศ เจ้าหน้าจึงต้องขยายพื้นที่นั่งรับประทานอาหารเพิ่ม ซึ่งที่ผมได้นั่งวันนี้จะเป็นซอกระหว่างตึกอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ เป็นอันว่าวันนี้ตื่นสายเลยไม่ได้นั่งทานอาหารเช้าไปชมวิวทะเลไป

ส่วนเมนูอาหารเช้าของที่ Cape Dara ค่อนข้างหลากหลาย มีทั้ง ไทย ฝรั่ง ญี่ปุ่น และเวียดนาม

DSC_5602.jpg
อาหารเช้ารสชาติตามมาตรฐานโรงแรมชั้นนำทั่วไป แต่มีพิซซ่าญี่ปุ่นเพิ่มมาด้วย

DSC_5608.jpg
ขนมปังเวียดนาม

DSCF2304.jpg
ถ่ายรูปมายืนยันว่านั่งทานอาหารตรงซอกตึกจริงๆ

หลังจากทานอาหารอื่มแล้วก็ยังคงพอมีเวลาให้มาเดินย่อยอาหารที่ชายหาดกันนิดหน่อย ก่อนกลับห้องเตรียมตัวไปเที่ยวฟาร์มแกะกันต่อ

DSC_5622.jpg
ชายหาดของโรงแรมค่อนข้างเงียบสงบ แต่ไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำ เพราะส่วนใหญ่เป็นโขดหิน

ชายหาดหน้าโรงแรมแบบ 360 องศา (คลิกที่ลิ้งค์ด้านล่าง)

Cape Dara Beach – Spherical Image – RICOH THETA

DSC_5624.jpg
โรงแรมมีสระว่ายน้ำ 2 ที่ ในรูปเป็นสระที่อยู่ถัดลงมาด้านล่าง อยู่ติดกับหาดมากที่สุด (สามารถใช้บริการได้ทั้ง 2 สระ)

ชมพระอาทิตย์ตกแบบ 360 องศา จากสระน้ำของโรงแรม (คลิกที่ลิ้งค์ด้านล่าง)

Cape Dara Pool Sunset Scene – Spherical Image – RICOH THETA


Pattaya Sheep Farm

โปรแกรมของวันนี้คือไปเที่ยวฟาร์มแกะและหาของกินอร่อยๆทาน และปิดท้ายด้วยการกลับมาเล่นน้ำที่โรงแรม
จากพัทยาไปฟาร์มแกะ ใช้เวลาขับรถประมาณ 25 นาที หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร
ค่าบัตรเข้าชมคนละ 50 บาท และหางตั๋วยังสามารถนำไปแลกอาหารเพื่อป้อนแกะได้ด้วย

DSCF2322.jpg
อาคารจำหน่ายตั๋ว

DSCF2323.jpg
ด้านข้างของอาคารตกแต่งได้น่ารัก เหมาะแก่การถ่ายภาพเป็นที่ระลึกครับ

DSC_5637.jpg
แน่นอนว่า มาฟาร์มแกะก็ต้องเจอแกะ

DSCF2337.jpg
ตัวนี้หน้าตาโหดไปนิดนึง

DSCF2352.jpg
นำหางตั๋วไปแลกต้นหญ้ามาให้อาหารแกะได้ครับ แต่ถ้าจะป้อนนม ราคาขวดละ 20 บาท

ฟาร์มแกะไม่ได้มีแต่แกะนะครับ ม้า หมู เต่า อัลปากา นก ก็มีให้ดูนะครับ

มีซุ้มเกมส์ให้เล่น และมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะเลยครับ

บรรยากาศภายในคอกแกะ (คลิกที่ลิ้งค์ด้านล่าง)

ฟาร์มแกะพัทยา – Spherical Image – RICOH THETA

พิกัด GPS ฟาร์มแกะพัทยา


Surf & Turf Pattaya

หลังจากให้อาหารแกะและป้อนนมลูกหมูกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เวลาก็ล่วงเลยมาเที่ยงกว่าๆพอดี ท้องร้องด้วยกันทั้งคู่ เพราะพลังงานถูกใช้ไปจนหมดกับการเล่นกับแกะ ป้อนนมลูกหมู และถ่ายรูปตามจุดต่างๆภายในฟาร์ม จุดหมายถัดไปก็คือ ร้าน Surf & Turf Pattaya เพื่อไปนั่งกินอาหารเที่ยงชิลๆริมชายหาด

ใช้เวลาบนถนนประมาณ 25 นาที ก็ถึงร้าน Surf & Turf เนื่องจากร้านอยู่ติดชายหาด ทำให้ต้องขับรถเข้าตรอกซอกซอยแคบๆบ้างเป็นบางช่วง ที่จอดรถกว้างขวางและจากที่จอดรถเดินลงไปทางชายหาดไม่กี่เมตรก็ถึงร้าน ตัวร้านเป็นแบบเปิดโล่งรับลมทะเล มีทั้งที่นั่งในตัวร้าน และที่นั่งริมชายหาด เมนูมีทั้งอาหารฝรั่ง ไทย หรือจะทานของหวานเป็นจานหลักเลยก็ได้ อาหารทุกจานถูกจัดวางมาอย่างสวยงาม(เหมาะแก่การอัพลงโซเชียล) รสชาติอร่อย บรรยากาศดี คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป

DSC_5699.jpg
โซฟาตัวใหญ่และนุ่ม ทานข้าวอิ่มนอนรับลมต่อได้เลย

DSC_5695.jpg
ทุกโต๊ะเห็นวิวทะเล (ยกเว้นบางโต๊ะในตัวอาคาร)

DSC_5708.jpg

DSC_5731.jpg
แฮมเบอร์เกอร์แบบจัดเต็ม

DSC_5722.jpg
อาหารไทยก็มี (ข้าวผัดน้ำพริกปลาทู)

DSC_5746.jpg
หอยอบชีส

DSC_5766.jpg
ชีสยืดๆหอยตัวเต็มๆคำ

DSC_5789.jpg
นอนชมวิวทะเลระหว่างรอของหวานที่เพิ่งสั่งไป

DSC_5769.jpg
จริงๆเมนูของหวานมีเยอะมากเลยครับ แต่ไม่รู้ว่าจะทานอะไรดี จึงเกิดการสั่งแบบสูงสุดคืนสู่สามัญ

This slideshow requires JavaScript.

มุมต่างๆของร้าน

รับชมภายในร้าน SURF & TURF PATTAYA แบบ 360 องศา

surf&Turf Pattaya – Spherical Image – RICOH THETA

surf&Turf Pattaya – Spherical Image – RICOH THETA

พิกัด GPS ร้าน Surf & Turf Pattay

หลังจากทานมื้อเที่ยงจนอิ่ม ก็มุ่งตรงกลับที่พักเพื่อไปเล่นน้ำและเดินเล่นริมชายหาดรอดูพระอาทิตย์ตก

IMG_2721.jpg
ชายหาดหน้าโรงแรมตอนน้ำลด จะเห็นว่ามีแต่โขดหินไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำทะเลเท่าไหร่

DSC_5855.jpg
หาดวงอำมาตย์ยามค่ำคืน ถ่ายจากระเบียงห้อง จริงๆถ้าได้วิวทางหาดพัทยา คงจะมีแสงสีมากกว่านี้

หลายๆท่านอาจสงสัย ว่าทำไมไม่มีรูปร้านอาหารที่ทานตอนเย็นหรอ ต้องบอกเลยว่างบหมดครับ แวะร้านสะดวกซื้อข้างทางซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำหวาน เข้ามาทานเป็นอาหารเย็น


Day4

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปพัทยาแล้วครับ ตารางและกำหนดการของวันนี้สบายๆ ช่วงเช้าเก็บของลงกระเป๋า และพักผ่อนตามอัธยาศัย สายๆก็เริ่มเดินทางออกจากพัทยาแวะเที่ยวและทานข้าวเที่ยงที่ J-PARK เป็นอันจบทริปนี้ครับ

DSC_5938.jpg
วันนี้ตื่นเช้าหน่อย เพื่อมาเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้น

DSC_5981.jpg
ห้องอาหารของโรงแรมหันหน้าออกทะเล มีทั้งแบบเปิดโล่งรับลมทะเลและห้องแอร์ให้เลือกนั่ง

DSC_5991.jpg
วันนี้แขกค่อนข้างน้อย นั่งทานได้แบบสบายๆ

This slideshow requires JavaScript.

เมนูอาหารเช้าบางส่วนของโรงแรม


J-PARK ศรีราชา

แวะเที่ยว J-PARK ศรีราชา เป็นที่สุดท้ายก่อนตีรถยาวกลับบ้านเกิดเมืองนอน (ชื่อเต็ม J-Park Sriracha Nihon Mura เปิดบริการทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00น.) J-PARK เป็นแหล่งรวมของร้านอาหารญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ซูชิ
ราเมง ชาบู และเทปันยากิ รวมถึงร้าน Daiso ที่มีสินค้าราคาเริ่มต้น 60 บาทให้เลือกซื้อด้วย จุดน่าสนใจอีกจุดหนึ่งของที่นี้คือ การออกแบบสถานที่และตัวอาคารแบบญี่ปุ่น ทำให้มีมุมสวยๆหลากหลายมุมให้ทั้ง ตากล้องมืออาชีพ ตากล้องมือสมัครเล่น และเหล่านัก Selfie แวะเวียนมาเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก

DSC_6142.jpg
ป้าย J-PARK สูงเด่นเป็นสง่า ทำให้มองเห็นได้แต่ไกล

DSC_6162.jpg
การตกแต่งอาคารและสถานที่แบบญี่ปุ่น

HAKO RAMEN คือร้านอาหารที่ผมเลือกฝากท้องในเมื่อเที่ยงนี้ โดยตัดสินใจจากที่ผมชอบทานราเมงและที่โคราชไม่มีร้านนี้ให้ทาน

DSC_6188.jpg
หน้าร้าน HAKO RAMEN

DSC_6189.jpg
เปิดประตูร้านเข้ามาก็เจอ ง.งู 2 ตัววิ่งมาชนกันเลย (งง) เพราะวิธีสั่งอาหารที่นี้จะค่อนข้างแปลกและแตกต่างนิดนึง โดยมีวิธีสั่งอาหารดังนี้ เมื่อท่านเข้ามาในร้าน จะเห็นป้ายเมนูอาหารขนาดใหญ่อยู่ทางด้านซ้าย และจะมีธงติดตัวเลขและกล่องพลาสติกติดตัวเลขอย่างละ2กล่องวางอยู่ข้างๆธง ให้ท่านนำป้าย (สีแดง คืออาหาร สีน้ำเงินคือเครื่องดื่ม) ที่ห้อยอยู่หน้าเมนูอาหารที่ท่านต้องการทาน นำมาใส่ไว้ในกล่อง กล่องแรกใส่ป้ายสีแดง กล่องถัดไปใส่ป้ายสีน้ำเงิน เมื่อเลือกได้เป็นที่พอใจแล้ว ให้นำทั้ง2กล่องไปส่งให้แก่พนักงาน และนำธงที่มีเลขไว้วางไว้ที่โต๊ะที่ต้องการนั่ง เป็นอันเสร็จพิธี หลังจากนั้นไม่นานก็รออาหารมาส่งที่โต๊ะได้เลย

DSC_6198.jpg
จำชื่อเมนูไม่ได้ แต่รสชาติออกเค็ม อร่อยดีครับ

DSC_6199
ส่วนชามนี้เป็นแบบแห้งครับ ตีไข่ลวกให้แตกจะเพิ่มความคลุกคิกในการรับประทาน

DSC_6205.jpg
เมนูทานเล่น

ชมภายในร้าน HAKO RAMEN แบบ 360 องศา (คลิกลิ้งค์ด้านล่าง)

Hako Ramen J-Park – Spherical Image – RICOH THETA

หลักจากอิ่มกับอาหารมื้อหลักกันเรียบร้อยแล้ว ก็มาทานของหวานกันต่อกับร้าน Soft Corner ร้านตกแต่งสวย มี Soft Cream ให้เลือก 4 รส คือ รสนม รสช็อกโกแลต รสส้ม และรสชาเขียว สามารถเลือก Topping เพิ่มเติมได้

DSC_6215.jpgร้าน Soft Corner

DSC_6227.jpg
ร้าน Soft Corner

DSC_6220.jpg
รสช็อกโกแลตและส้ม

DSC_6211.jpg
ส่งท้ายทริปนี้ด้วยการ เดินเลือกซื้อของในร้าน Daiso ครับ

This slideshow requires JavaScript.

ร้านอาหารญี่ปุ่นบางส่วน ใน J-PARK

ชม J-PARK แบบ 360 องศา (คลิกลิ้งค์ด้านล่าง)

J-Park Sriracha – Spherical Image – RICOH THETA

Offcial Website J-PARK

พิกัด GPS J-PARK ศรีราชา

ขอบพระคุณทุกท่านและทุกคอมเม้นที่ติดตามอ่านครับ ^_^

Facebook Backpackergraphy

 

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

Create a website or blog at WordPress.com

Up ↑

%d bloggers like this: