
Human Error เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การแพทย์ฉุกเฉิน (Emergency Medical Services: EMS) และการกู้ภัยขั้นสูง (Technical Rescue) ความผิดพลาดของมนุษย์สามารถนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรง ตั้งแต่อุบัติเหตุ ไปจนถึงการสูญเสียชีวิต
อุปกรณ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้รับการออกแบบเพื่อลดโอกาสในการเกิดข้อผิดพลาดของมนุษย์ (Human Error Proof) ผ่านการพัฒนาระบบอัตโนมัติ การลดความซับซ้อนของการใช้งาน และการออกแบบที่คำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์ (Ergonomics) บทความนี้จะวิเคราะห์แนวทางที่เทคโนโลยีช่วยลดความผิดพลาดของมนุษย์ พร้อมอภิปรายถึงบทบาทของ Mindset และการยอมรับเทคโนโลยี ในวงการกู้ภัยและแพทย์ฉุกเฉิน
—
ความหมายและผลกระทบของ Human Error
นิยามของ Human Error
Human Error หมายถึง การกระทำที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งอาจเกิดจาก ความผิดพลาดทางการรับรู้ (Cognitive Error), ความล้า (Fatigue), ความเข้าใจผิด (Misinterpretation), หรือการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน (Communication Breakdown) ความผิดพลาดเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกขั้นตอนของกระบวนการทำงาน
ผลกระทบของ Human Error
ความผิดพลาดของมนุษย์อาจนำไปสู่
ผลกระทบต่อบุคคลากรและระบบงาน → เพิ่มภาระงานของทีม ลดประสิทธิภาพโดยรวม
อุบัติเหตุและความเสียหายทางกายภาพ → ตัวอย่างเช่น การใช้อุปกรณ์ผิดพลาดในการกู้ภัยอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรง
ผลกระทบต่อผู้ป่วยและประชาชน → ในงาน EMS ความผิดพลาดอาจส่งผลต่ออัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วย เช่น การใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้า (AED) ไม่ถูกต้อง
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและองค์กร → เพิ่มค่าใช้จ่ายด้านประกันภัยและการฝึกอบรม
—
บทบาทของเทคโนโลยีในการลด Human Error
เพื่อแก้ไขปัญหาความผิดพลาดของมนุษย์ อุปกรณ์และเทคโนโลยีได้รับการออกแบบให้มี แนวคิด Human Error Reduction ซึ่งสามารถจำแนกได้เป็น 3 มิติหลัก ได้แก่
การลดความซับซ้อนของอุปกรณ์
อุปกรณ์ยุคใหม่ถูกออกแบบให้ ใช้งานง่ายและลดความซับซ้อนของกระบวนการ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถปฏิบัติงานได้โดยมีโอกาสผิดพลาดน้อยลง ตัวอย่างเช่น
การเปลี่ยนจาก Break Bar Rack → ID → MPD, Maestro, Clutch ซึ่งช่วยลดภาระการควบคุมแรงเสียดทานของเชือก
การใช้เครื่องช่วยหายใจอัตโนมัติและระบบตรวจติดตาม (Automated Ventilator & Monitoring) ใน EMS เพื่อลดโอกาสเกิดการบีบถุงลมไม่สม่ำเสมอ
3.2 การพัฒนาอุปกรณ์ที่มีระบบความปลอดภัยในตัว (Fail-Safe Design)
อุปกรณ์กู้ภัยและแพทย์ฉุกเฉินถูกออกแบบให้สามารถป้องกันข้อผิดพลาดของมนุษย์ เช่น
Auto-Locking Descender ที่ล็อกตัวเองอัตโนมัติเมื่อเกิดการปล่อยมือ
AED ที่มีระบบตรวจจับแผ่นนำไฟฟ้าสำหรับเด็ก(Pediatric Mode) ช่วยลดข้อผิดพลาดจากการเลือกโหมดผิด
—
การนำระบบอัตโนมัติมาใช้เพื่อลดการพึ่งพาการตัดสินใจของมนุษย์
ระบบอัตโนมัติช่วยให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น
การใช้ระบบ GPS และ GIS ในการนำทางทีมกู้ภัย เพื่อลดความคลาดเคลื่อนของตำแหน่ง
—
Mindset และการยอมรับเทคโนโลยีในงานกู้ภัยและ EMS
แม้ว่าการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้จะช่วยลดความผิดพลาดของมนุษย์ได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ปัจจัยที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือทัศนคติและวัฒนธรรมองค์กร
อุปสรรคของการยอมรับเทคโนโลยี
การต่อต้านการเปลี่ยนแปลง (Resistance to Change) เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาองค์กร เช่น
การยึดติดกับแนวปฏิบัติเดิม (Traditionalism) → เช่น การใช้ Tourniquet แบบเก่า แม้ว่าจะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าวิธีใหม่ปลอดภัยกว่า
ความกลัวในการใช้อุปกรณ์ที่ยังไม่คุ้นเคย (Fear of New Technology) → เช่น บุคลากรกู้ภัย ที่ลังเลในการใช้ ID เพราะไม่เคยฝึกอบรมมาก่อน
4.2 ตัวอย่างองค์กรที่ล้มเหลวเพราะไม่ปรับตัว
Nokia และ Blackberry ที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน ทำให้สูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาด
Kodak ที่ล้มเหลวในการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล แม้จะเป็นผู้คิดค้นกล้องดิจิทัลรายแรก
4.3 แนวทางการพัฒนา Mindset ในองค์กรกู้ภัยและ EMS
สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning Culture) ผ่านการฝึกอบรมที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีใหม่
ใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์และข้อมูล (Evidence-Based Practice) ในการตัดสินใจนำอุปกรณ์ใหม่มาใช้
กระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้อุปกรณ์ใหม่ (Simulation & Field Testing) เพื่อลดความกลัวและเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน
—
5. สรุป
✅ Human Error เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในงานกู้ภัยและ EMS
✅ เทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยลดข้อผิดพลาดของมนุษย์ผ่านการออกแบบอุปกรณ์ที่ใช้งานง่าย ปลอดภัย และมีระบบอัตโนมัติ
✅ Mindset ของบุคลากรเป็นปัจจัยสำคัญในการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
✅ การต่อต้านเทคโนโลยีอาจนำไปสู่ความล้มเหลวขององค์กร เช่นกรณีของ Nokia และ Kodak
การปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็น “ความจำเป็น” ในการพัฒนาและรักษามาตรฐานความปลอดภัยในงานกู้ภัยและแพทย์ฉุกเฉิน

Leave a comment