แนวทางการพัฒนา Technical Rescue – Medical Special Operations Pathway

จากประสบการณ์การทำงานในวงการกู้ภัยมากว่า 15 ปี และการศึกษาค้นคว้าข้อมูลอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดเป็น Technical Rescue Medical Special Operations Pathway ที่นำเสนอแนวทางใหม่ในการพัฒนาบุคลากรด้านการกู้ภัยและการแพทย์ฉุกเฉินปฏิบัติการพิเศษ แม้ว่า Technical Rescue จะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับวงการกู้ภัย แต่ยังถือเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างใหม่สำหรับวงการฉุกเฉินการแพทย์ ส่วน Operational Medicine นั้นเป็นศัพท์ใหม่ที่ครอบคลุมแนวคิด Wilderness Medicine และ Tactical Emergency Medical Support (TEMS)

ปัญหาหลักที่ต้องแก้ไข (Pain Points)

1. การขาดแคลนบุคลากรที่มีคุณภาพ

ปัญหาสำคัญที่สุดคือการขาดแคลนบุคลากรที่มีความสามารถด้านการกู้ภัยขั้นสูงที่มีมาตรฐาน และสามารถปฏิบัติงานด้านการแพทย์ปฏิบัติการพิเศษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลให้การตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ขาดความต่อเนื่องและประสิทธิผล

2. ข้อจำกัดด้านงบประมาณ

หลักสูตรมาตรฐานจากสถาบันต่างประเทศมีค่าใช้จ่ายสูงมาก โดยหลักสูตรขั้นพื้นฐานเริ่มต้นที่ 12,500 บาท และหากต้องการจบ Rope Technician ตามมาตรฐาน NFPA จะต้องใช้งบประมาณ 40,000-50,000 บาท ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการเข้าถึงความรู้และทักษะที่จำเป็น

3. การขาดแคลนผู้สอนที่มีประสบการณ์

ปัญหาที่ท้าทายที่สุดคือการหาบุคลากรผู้สอนที่มีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ด้าน Technical Rescue และ Operational Medicine ที่เพียงพอ เนื่องจากวงการนี้มีลักษณะเฉพาะตัวและค่อนข้างปิด ทำให้การพัฒนาหลักสูตรไม่ยากเท่ากับการหาผู้เชี่ยวชาญมาสอน

แนวทางแก้ไขด้วย Pathway ใหม่

การออกแบบระบบ Block Training

Pathway นี้ได้รับการออกแบบให้มีความยืดหยุ่นผ่านระบบ Block Training ที่ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามความต้องการและความพร้อม โดยเริ่มต้นด้วยการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งใน 2 สาขาหลัก:

  1. Rope Technician – ความรู้และทักษะด้านการใช้เชือกในการกู้ภัย
  2. Extrication Technician – ความรู้และทักษะด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสถานการณ์ต่างๆ

การลดระยะเวลาการฝึกอบรม

เมื่อมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งแล้ว ผู้เรียนสามารถต่อยอดไปในสายเฉพาะทางต่างๆ ได้โดยใช้เวลาน้อยลง เนื่องจากมีพื้นฐานด้าน Rope และ Extrication ที่จำเป็นในทุกสาขามาแล้ว ทำให้สามารถผลิตบุคลากรได้ภายใน 3-6 เดือน แทนที่จะต้องใช้เวลาหลายปี

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้

หากผู้เรียนจบ Rope Technician แล้ว และต้องการเรียนต่อใน Swiftwater Rescue สามารถตัดเนื้อหาด้าน Rope ออกไปได้ และเรียนเพิ่มเฉพาะเรื่อง:

  • Hydrology
  • Shore-based techniques
  • Tethered swimmer
  • Strainer extrication
  • Boat Operation

ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาจาก 6 วัน เหลือเพียง 3 วัน และลดค่าใช้จ่ายจาก 30,000 บาท เหลือเพียง 15,000 บาท

ความสำคัญต่อสถานการณ์ปัจจุบัน

Pathway นี้จะช่วยเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นบ่อยขึ้นในปัจจุบัน เช่น:

  • แผ่นดินไหว
  • ไฟไหม้อาคารสูง
  • น้ำป่าท่วม
  • อาคารถล่ม
  • ดินถล่ม
  • ไฟไหม้รถไฟฟ้า
  • เหตุกราดยิง

โดยการมีบุคลากรที่เป็นตัวกลางระหว่างทีมกู้ชีพและกู้ภัยในสถานที่เกิดเหตุ สามารถปฏิบัติการได้ในพื้นที่เสี่ยงภัย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างมีนัยสำคัญ

มาตรฐานการฝึกอบรม

Pathway นี้อ้างอิงมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับ ได้แก่:

  • NFPA 2500 (Standard for Fire Department Occupational Safety and Health Program)
  • NFPA 470 (Standard on Hazardous Materials/Weapons of Mass Destruction Emergency Response)
  • PHTLS (Prehospital Trauma Life Support)
  • TECC (Tactical Emergency Casualty Care)
  • WMS (Wilderness Medical Society)

ซึ่งจะทำให้ผู้สำเร็จการศึกษาได้รับการรับรองที่มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล

บทสรุป

Technical Rescue Medical Special Operations Pathway เป็นแนวทางที่จะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีคุณภาพในวงการกู้ภัยและการแพทย์ฉุกเฉิน ผ่านการออกแบบระบบการเรียนรู้ที่มีความยืดหยุ่น ลดระยะเวลาและค่าใช้จ่าย แต่ยังคงรักษามาตรฐานความปลอดภัยและประสิทธิภาพไว้ได้ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของ Pathway นี้จะขึ้นอยู่กับการหาและพัฒนาผู้สอนที่มีคุณภาพเป็นหลัก ซึ่งเป็นงานที่ต้องการการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง

Leave a comment

Create a website or blog at WordPress.com

Up ↑